Home » Trend & Insights

Category: Trend & Insights

Why Red? ทำไมต้อง”แดง”

Why Red?

ทำไมต้อง "แดง"

Asset 1

เข้าสู่เทศกาลแดงเดือดในผืนแผ่นดินไทยและทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก กับการฟาดแข้งระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล สองยอดทีมฟุตบอลจากเกาะอังกฤษที่มีแฟนบอลในไทยหลายล้านคน ซึ่งผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรคงต้องลุ้นกันใน The Match Bangkok Century Cup 2022 ในวันอังคารที่ 12 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

ส่วน Penfill นั้นถือโอกาสหยิบเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘สีแดง’ ในวงการการตลาด ทั้งเรื่องแบรนด์ และแนวทางการสื่อสารว่าทำไมสีแดงจึงเป็นสียอดนิยมของสินค้าและบริการ รวมถึงแคมเปญต่างๆ อย่างแพร่หลาย

แบรนด์ชื่อดังระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น Coca-Cola (Coke) ยักษ์ใหญ่วงการน้ำอัดลม, Canon เจ้าพ่อแห่งวงการกล้อง, การแข่งขันความเร็วใน F1 (Formula one), วิดีโอแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง YouTube จนไปถึง Netflix แอปพลิเคชันสตรีมมิ่งชั้นนำ ทุกแบรนด์ที่กล่าวมานี้ล้วนใช้ logo ที่มีสีแดงทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่า แบรนด์เหล่านี้ย่อมมีเหตุผลที่อธิบายได้ทางจิตวิทยาจากงานวิจัยในอดีตมารองรับอย่างแน่นอน

ทำไมสีแดง?

สีมีผลอย่างยิ่งต่ออารมณ์ความรู้สึก การรับรู้ หรืออาจจะไปถึงขั้นจิตวิญญาณของผู้รับสาร ในที่นี้ก็คือ ลูกค้าหรือผู้บริโภค ดังนั้น การที่แบรนด์จะเลือกโทนสีใดก็แล้วแต่ จำเป็นจะต้องสื่อสารถึงตัวแบรนด์ ธุรกิจ สินค้าและบริการ หรือแม้แต่สารที่ต้องการจะสื่อให้ชัดเจนและเหมาะสม ซึ่งเหตุที่สีแดงได้รับความนิยมนั้น จากหลากหลายแหล่งข้อมูลก็พอจะบ่งบอกได้ว่า สีแดงเป็นสีของหยาดเลือดและเปลวไฟ ที่มีความหมายเชื่อมโยงกับ ‘ความรัก’ ‘ความปรารถนา’ ‘ความสุข’ ‘ความมุ่งมั่น’ โดยในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า สีแดงทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างรวดเร็วและทรงพลัง

Psychological of Red, Copyright2022, Penfill Co.,Ltd.

สีแดงในการตลาด

นอกจากนั้นมีการสำรวจพบว่า กว่า 59% ของแบรนด์สินค้าชั้นนำ เลือกใช้สีแดงในการสื่อสาร หรือบางแบรนด์ก็เลือกที่จะใช้สีแดงแทนที่ปุ่มที่กระตุ้นการซื้อได้อย่างทันทีทันใด เช่น ปุ่ม Order Now, ปุ่ม Purchase, ปุ่มประเภท Call to action ในช่องทางการขายออนไลน์ต่างๆ

Mc Donald Online Delivery

เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Winnipeg ในประเทศแคนาดา พบว่ามนุษย์ใช้เวลาในการตัดสินใจที่จะเลือกหรือชอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ จะใช้เวลาเพียง 90 วินาทีเท่านั้น และภายในระยะเวลาการตัดสินใจดังกล่าวนั้น 62-90% เป็นการตัดสินใจที่มีผลมาจากสี รวมถึงสีแดงก็เป็นสียอดนิยมสำหรับวงการร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารจานด่วน (Fast Food) เพราะเป็นสีโทนร้อน เห็นแล้วทำให้รู้สึกหิว เหมาะกับของกิน และมีสีที่เชื่อมโยงกับ Ketchup หรือซอสมะเขือเทศที่นิยมใช้รับประทานคู่กับอาหารประเภทดังกล่าว

Advertising Agency: Neiman Group

แคมเปญสีแดง

และเมื่อสีแดงทรงพลังอย่างยิ่งต่อแบรนด์ การใช้สีแดงเพื่อการสื่อสารในแคมเปญต่างๆ จึงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น แคมเปญ (PRODUCT)RED ของค่าย Apple ที่ออกสินค้าพิเศษเป็นสีแดงสด ทั้ง iPhone Apple Watch และอุปกรณ์เสริม เพื่อสมทบทุนให้กองทุนโลกเพื่อสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับโรคเอดส์และการรับมือกับ COVID‑19 จนถึงปัจจุบันสามารถระดมเงินบริจาคได้มากกว่า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Apple(RED) - Buy red save life

ส่วนในไทยนั้น แบรนด์รองเท้าเก่าแก่อย่าง ‘นันยาง’ ก็เคยเกาะกระแสการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยสัญญาว่าหากลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 มาครองได้ นันยางจะผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดง และในที่สุด เมื่อหงส์แดงคว้าแชมป์ยุโรปในปี 2019 นันยางรุ่นพิเศษ NanyangRED Limited Edition (2019) จึงได้ถูกปล่อยออกมา และแม้ว่านันยางเรดจะไม่ได้ Collab กับลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ แต่แคมเปญนี้ก็สามารถกวาดยอดสั่งจองไปอย่างถล่มทลายด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดถึง 12,589 คู่เลยทีเดียว อีกทั้งยังได้รางวัลสุดยอดแคมเปญการตลาด MAT Award 2019 อีกด้วย โดยความพิเศษของ limited edition รุ่นนี้ที่ดึงดูดใจแฟนคลับเป็นอย่างมาก ก็คือรองเท้ารุ่นนี้เป็นสีแดงทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เชือกผูกรองเท้า จนสุดท้าย ‘แกมโบล’ คู่แข่งในวงการรองเท้าก็ ‘จับมืออย่างเป็นทางการ’ กับสโมสรลิเวอร์พูล ชูความเป็นรองเท้าหงส์แดงของแท้แบบที่ไม่มีใครโหนกระแสได้

Gambol X Liverpool - You'll Never Walk Alone

เหล่านี้ก็ถือเป็นคำตอบได้ว่าเหตุใดสีแดงจึงเป็นสียอดนิยมที่แบรนด์ทั้งหลายเลือกใช้ในหลากหลายวาระ ซึ่งหากแบรนด์ของคุณมีตัวตนหรือบุคลิกที่สอดคล้องกับสีดังกล่าวแล้ว ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการนำสีแดง ผสานเข้าสู่เอกลักษณ์ของแบรนด์เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจต่อไป

The Change of Working Behavior in COVID-19

The Change of Working Behavior and Quality of Work-Life in a pandemic  (case COVID-19) Report

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการทำงานภายในภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ในสังคมไทย

นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 (Pandemic: COVID-19) องค์กรต่าง ๆ ได้ปรับตัวและหาแนวทางการรับมือกับ
สถานการณ์การทำงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันด้วยนโยบาย Work from home ทำให้ส่งผลต่อพฤติกรรมรูป
แบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในมิติของวิธีการทำงาน การบริหารทีมขององค์กรท้งั ภาครัฐ เอกชน ในมุมของผู้บริหาร
และในมุมของผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ การจัดสรรชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน ซึ่งนำไปสู่แนวทางการก้าวผ่านวิกฤตของ
แต่ละองค์กร วิธีการทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีความสุขและยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเปลี่ยนแปลง
ของพฤติกรรมการทำงานภายในภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ส่งผลอย่างไรต่อคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย ติดตามได้ใน
งานวิจัยเพนฟิล ในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการทำงานภายในภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ในสังคมไทย”

Credit: Cover report: Image by Bongkarn Thanyakij on pexels.com

Survey Special: How work-life changes in Covid-19

The Change of Working Behaviour and Quality of Work-Life in a pandemic (case COVID-19)

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการทำงานภายใต้ภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ในสังคมไทย

     เริ่มต้นปี 2020 โลกเรามีภัยต่อแถวกันมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ไฟป่าขนาดใหญ่ที่ออสเตรเลีย ภูเขาไปตาอัลที่ฟิลิปปินส์ปะทุ น้ำท่วมบราซิล ฝั่งประเทศไทยมีน้ำประปาเค็ม ฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นซ้ำจากปีก่อน และเกิดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ระบาดที่อู๋ฮั่น ประเทศจีน จนขยับไปเป็นโรคระบาดที่มีชื่อว่า โรคโควิด-19 (Pandemic: COVID-19) ส่งผลกระทบไปทั่วโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทั้งส่งผลถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะในการเดินทาง การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน การบริโภค ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันในการช่วยลดความเสี่ยงและอัตราผู้ติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งการทำงาน ที่ทุกองค์กรต้องมีวิธีจัดการบริหารที่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า

      เพื่อพัฒนาการปรับตัวและรับมือแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง ทั้งในการทำงานของบุคคลและมิติการบริหารขององค์กรที่ต่างเป็นตัวแปรสำคัญในเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของเราทุกคนในสังคม ศูนย์วิจัยของเราจึงตั้งคำถามและจัดทำงานวิจัย เพื่อเป็นส่วนช่วยพัฒนารูปแบบการทำงานในชีวิตประจำวันของเราทุกคนให้ดีขึ้น ในหัวข้อ  “การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการทำงานภายใต้ภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ในสังคมไทย” ซึ่งหากใครสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาหัวข้อนี้ไปด้วยกันก็สามารถให้ข้อมูลตามแบบสอบถามได้ตามลิงก์ด้านล่าง และรับผลการวิจัยนี้ได้ฟรี ในเดือนมิถุนายน (แบบสอบถามจะเปิดรับถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2020 เท่านั้น โดยที่ใช้เวลาในการทำแบบสอบถามไม่เกิน 15 นาที)

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบชีวิตการทำงานได้ที่ https://bit.ly/3fkNEhO

เราหวังว่า งานวิจัยของเราจะเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการทำงานในอนาคต และพัฒนาให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้นผ่านการออกแบบที่ทุกคนมีส่วนร่วม

ศูนย์วิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลง

เพนฟิล

How we do?

— เกี่ยวกับการวิจัย ภายใต้หัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการทำงานภายใต้ภาวะโรคระบาด (โควิด-19) ในสังคมไทย” ทางศูนย์ฯดำเนินการสืบค้นงานวิจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ (Literature Reviews) สร้าง Research Framework เพื่อเป็นโครงร่างแนวคิดในการศึกษาวิจัย พร้อมตั้งสมมติฐานงานวิจัย (Hypothesis Test) แต่เนื่องจากประเด็นการศึกษานี้เป็นเรื่องใหม่ บวกกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงยังไม่มีการเก็บข้อมูลเชิงลึก (Data Insight) ให้มาใช้งานได้ ทางทีมงานจึงเลือกรูปแบบการเก็บข้อมูลทางแบบสอบถามออนไลน์ (Online Questionnaire) เพื่อให้เข้ากับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ถ้าผู้อ่านหรือคนทำงานท่านใดมีเรื่องราวอยากเล่า อยากส่งภาพการทำงานที่บ้านมาให้เรา หรือยินดีให้เราสัมภาษณ์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวิจัยก็สามารถติดต่อเราได้เช่นกัน (งานวิจัยของเรารักษาความลับส่วนบุคคลของคุณ ไม่เปิดเผยตัวตนและไม่เปิดเผยชื่อ ใช้เพื่อวิจัยเท่านั้น)